หญ้าหวาน ขุมทรัพย์ความหวานมาพร้อมสุขภาพดี ด้วยพลังหวานไม่มีแคลอรี น้ำตาลในเลือดไม่พุ่ง เหมาะกับทุกคน ทั้งสายรักสุขภาพไปจนถึงผู้ป่วยเบาหวาน ชงกินง่าย ๆ ได้ที่บ้านไปจนถึงครองวงการอาหารโลก ปลูกง่าย ช่วยประหยัด ได้ของสดไร้สารเคมี
ในยุคที่ความตระหนักด้านสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น การค้นหาสารให้ความหวานที่ทั้งปลอดภัยและเป็นมิตรต่อร่างกายกลายเป็นประเด็นสำคัญ สเตเวีย (Stevia rebaudiana) หรือที่รู้จักในชื่อ “หญ้า หวาน” ในประเทศไทย ได้รับความสนใจอย่างมาก ในฐานะสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่ปราศจากแคลอรีและไม่กระทบระดับน้ำตาลในเลือด
พืชสมุนไพรชนิดนี้ มีถิ่นกำเนิดในปารากวัยและบราซิล โดยชนพื้นเมืองกวารานี ใช้ใบสเตเวียเพื่อเพิ่มความหวานในเครื่องดื่มและยาสมุนไพรมานานหลายศตวรรษ ด้วยคุณสมบัติที่หวานเข้มข้นถึง 200-300 เท่าของน้ำตาลทราย สเตเวียได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงในประเทศไทย ซึ่งมีการใช้ทั้งในครัวเรือนและอุตสาหกรรมอาหาร
“หญ้าหวาน” ไม่ใช่หญ้า
สเตเวีย (Stevia rebaudiana Bertoni) เป็นพืชในวงศ์ Asteraceae ซึ่งเป็นวงศ์เดียวกับดอกเดซี ดอกทานตะวัน และผักกาดหอม แต่ในประเทศไทยเรียกว่า “หญ้า หวาน” ซึ่งอาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นพืชในวงศ์ Poaceae (วงศ์หญ้า) เช่น ข้าวหรือหญ้าแฝก
อย่างไรก็ตาม เป็นพืชใบเลี้ยงคู่ (Dicotyledon) ไม่ใช่ใบเลี้ยงเดี่ยว (Monocotyledon) จึงจัดเป็นไม้พุ่มล้มลุกยืนต้นมากกว่าหญ้า ตามการจำแนกทางพฤกษศาสตร์ ชื่อ “หญ้า หวาน” น่าจะมาจากลักษณะใบที่เรียวและการใช้คำในภาษาไทยที่ครอบคลุมพืชสมุนไพรล้มลุกหลายชนิด
เป็นพืชพุ่มเตี้ย สูงประมาณ 30-100 ซม. ใบมีลักษณะเป็นรูปหอกคว่ำ ขอบหยัก สีเขียวอ่อน ขนาดยาว 2-3 ซม. ใบเป็นแหล่งของสารสตีวิออลไกลโคไซด์ (Steviol glycosides) ซึ่งเป็นสารประกอบที่ให้ความหวาน โดยเฉพาะสตีวิโอไซด์ (Stevioside) และ รีบาวดิโอไซด์ เอ (Rebaudioside A) พืชนี้จะออกดอกสีขาวหรือม่วงอ่อนเป็นช่อเล็ก ๆ ที่ปลายยอด โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือเมื่อช่วงแสงสั้นลง (วันสั้น) เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศกึ่งเขตร้อน อุณหภูมิ 20-26°C และระดับความสูง 500-1,500 เมตรจากระดับน้ำทะเล

หวานกว่าน้ำตาล 300 เท่า
ใบ หญ้า หวาน สดประกอบด้วยสารอาหารในปริมาณเล็กน้อย ได้แก่ แร่ธาตุ เช่น โพแทสเซียม (1,800 มก./100 กรัม), แคลเซียม (540 มก./100 กรัม), แมกนีเซียม (180 มก./100 กรัม) และธาตุเหล็ก (5.9 มก./100 กรัม) รวมถึงวิตามิน เช่น วิตามินซีและวิตามินบีรวมในปริมาณน้อย
อย่างไรก็ตาม คุณค่าทางโภชนาการที่โดดเด่นที่สุดคือ “สารสตีวิออลไกลโคไซด์” ซึ่งให้ความหวานโดยไม่เพิ่มแคลอรี ใบแห้ง 100 กรัมให้พลังงานเพียง 2.7 กิโลแคลอรี เทียบกับน้ำตาลทรายที่ให้ 387 กิโลแคลอรี สารสตีวิออลไกลโคไซด์ในใบแห้งประกอบด้วยสตีวิโอไซด์ (ร้อยละ 5-10) และ รีบาวดิโอไซด์ เอ (ร้อยละ 2-4) ซึ่งมีความหวานมากกว่าน้ำตาลทราย 200-300 เท่า
ผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ เช่น ผงสกัดหรือสารสกัดเหลว มักผ่านการกลั่นเพื่อให้ได้เฉพาะไกลโคไซด์ ทำให้สูญเสียสารอาหารอื่น ๆ เกือบทั้งหมด อย่างไรก็ตาม คุณสมบัติที่ไม่มีแคลอรีและไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดทำให้หญ้า หวานเป็นสารให้ความหวานที่ปลอดภัย

ประโยชน์ “หญ้า หวาน” ต่อสุขภาพ
- ควบคุมน้ำหนักและลดปริมาณแคลอรี หญ้าหวาน เป็นสารให้ความหวานที่ปราศจากแคลอรี ซึ่งช่วยลดปริมาณพลังงานที่ได้รับเมื่อเทียบกับน้ำตาลทราย การศึกษาในวารสาร American Journal of Clinical Nutrition ปี 2553 พบว่าการใช้สารให้ความหวานแคลอรีต่ำ เช่น หญ้าหวาน สามารถช่วยลดน้ำหนักหรือป้องกันการเพิ่มน้ำหนักในผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน คุณสมบัตินี้ทำให้ หญ้า หวาน เหมาะสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารควบคุมน้ำหนัก รวมถึงอาหารแบบคีโตเจนิก (Ketogenic diet) หรืออาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ
- การจัดการระดับน้ำตาลในเลือดและเบาหวาน สตีวิออลไกลโคไซด์ไม่กระตุ้นการหลั่งอินซูลินหรือเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ เป็นสารให้ความหวานที่ปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่มีภาวะก่อนเบาหวาน การศึกษาใน Journal of Medicinal Food ระบุว่า อาจช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลินและลดระดับน้ำตาลในเลือดในสัตว์ทดลอง อย่างไรก็ตาม การวิจัยในมนุษย์ยังคงต้องดำเนินการเพิ่มเติมเพื่อยืนยันผลลัพธ์เหล่านี้
- สุขภาพหัวใจและหลอดเลือด งานวิจัยใน Nutrition Journal ปี 2546 พบว่า อาจช่วยลดความดันโลหิตในผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเล็กน้อย โดยอาจผ่านกลไกการขยายหลอดเลือดและการขับปัสสาวะ นอกจากนี้ ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น โพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยลดความเสียหายจากออกซิเดชันในร่างกาย
- สุขภาพช่องปาก หญ้าหวาน ไม่ก่อให้เกิดฟันผุ เนื่องจากแบคทีเรียในช่องปากไม่สามารถใช้สตีวิออลไกลโคไซด์ในการผลิตกรดที่ทำลายเคลือบฟันได้ หญ้าหวานยังมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียบางชนิดที่ก่อให้เกิดคราบพลัค คุณสมบัตินี้ทำให้ถูกนำไปใช้ในผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก เช่น ยาสีฟัน หมากฝรั่ง และน้ำยาบ้วนปาก
- ความปลอดภัย สตีวิออลไกลโคไซด์ได้รับการรับรองว่าปลอดภัยโดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) และคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุเจือปนอาหารของ FAO/WHO (JECFA) โดยกำหนดปริมาณที่ยอมรับได้ต่อวัน (ADI) ที่ 4 มก./กก. น้ำหนักตัวต่อวัน ในประเทศไทย กระทรวงสาธารณสุขอนุญาตให้ใช้ใบหญ้า หวานเป็นชาสมุนไพรและสารสตีวิออลไกลโคไซด์เป็นวัตถุเจือปนอาหาร
ใครกิน “หญ้า หวาน” ได้บ้าง ?
- ผู้ป่วยเบาหวานและภาวะก่อนเบาหวาน เนื่องจากไม่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดและอาจช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลิ
- ผู้ควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่ต้องการลดปริมาณแคลอรีโดยไม่สูญเสียรสชาติหวาน
- ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเล็กน้อย อาจได้รับประโยชน์จากฤทธิ์ลดความดันโลหิต
- เด็กและผู้ใหญ่ที่บริโภคอาหารหวานบ่อย ลดความเสี่ยงต่อฟันผุและการบริโภคน้ำตาลมากเกินไป
- ผู้ที่รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารคีโตเจนิก อาหารมังสวิรัติ หรืออาหารปลอดกลูเตน
- ผู้ที่แพ้น้ำตาลแอลกอฮอล์ เช่น ซอร์บิทอลหรือมอลติทอล ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการท้องอืดในบางคน
แต่ก็มีข้อควรระวัง ผู้ที่แพ้พืชในวงศ์ Asteraceae (เช่น ดอกคาโมไมล์ ผักกาดหอม) อาจมีอาการแพ้ เช่น ผื่นหรืออาการคัน ควรทดลองบริโภคในปริมาณน้อยก่อน การบริโภค หน้าหวาน มากเกินไปอาจทำให้รู้สึกถึงรสฝาดหรือขม ซึ่งอาจลดความพึงพอใจในรสชาติ ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ ในปริมาณมาก wowgame-888